ศาสนสถานของศาสนาคริสต์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นศูนย์ร่วมของศาสนาคริสต์
Monday, November 2nd, 2015
ศาสนาคริสต์ มีโบสถ์ วิหาร ใช้เป็นที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ของคริสตชน เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ จากหญิงพรหมจรรย์ (สาวบริสุทธิ์) โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเพื่อไถ่มนุษย์ให้พ้นจากความบาปโดยการสิ้นพระชนม์ที่กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายในสามวันหลังจากนั้น และเสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา ผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์จะได้รับการอภัยโทษบาป และจะเข้าสู่การพิพากษาในวันสุดท้ายเหมือนทุกคน แต่จะรอดพ้นจากการถูกพิพากษาให้ตกนรกแต่จะเป็นการพิพากษาเพื่อรับบำเหน็จรางวัลแทนในวันสิ้นโลก (Armageddon) และได้เข้าสู่พระราชัยสวรรค์ แต่ถ้าผู้ใดไม่เชื่อจะถูกปรับโทษหลังความตาย สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดพิธีกรรมในคริสต์ศาสนาเรียกว่า “ศีลศักดิ์สิทธิ์” อันหมายถึงเครื่องหมายภายนอก ที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้คนไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์
พิธีกรรมก็ต้องมีศาสนสถานเกิดขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของผู้คนในศาสนาคริสต์ที่จะไถ่บาปหรือร่วมทำพิธีกรรม ส่วนในเรื่องของความเชื่อก็ได้สื่อออกมาในรูปแบบของงานสถาปัตยกรรมตามความเชื่อทางศาสนาและงานจิตรกรรมภายในโบสถ์อย่างสวยงามในทางคริสต์ศาสนา โบสถ์ หมายถึง อาคารหรือสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์มารวมกันเพื่อประกอบพิธีหรือทำศาสนกิจร่วมกัน คำว่าโบสถ์ในภาษาอังกฤษ หรือ “church” อาจมีความหมายกว้างขึ้นหมายถึง คริสตจักร ซึ่งคริสตจักรในความหมายตามพระคัมภีร์ หมายถึง ประชากรหรือชุมชนของพระเจ้า พระคัมภีร์เดิมฉบับแปลกรีก (เซปทัวจินต์) ใช้คำกรีกคำนี้เพื่อแปลคำว่า “ชุมชน” ส่วนในเรื่องของ นิกาย ที่นับถือกันมากในประเทศไทยได้แก่ นิกายโรมันคาทอลิก (คริสตัง) และ นิกายโปรเตสแตนต์ (คริสเตียน) โบสถ์ของแต่ละนิกาย ในแง่ของอาคารอาจเหมือนหรือแตกต่างกันก็ได้ (ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น) แต่ในแง่ของจารีตคำเรียก และรูปสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันบ้าง
ศาสนสถานของศาสนาคริสต์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นศูนย์ร่วมของศาสนาคริสต์ในทุกเรื่อง มีความหมายสำหรับทุกคนและเป็นสถานที่เผยแผ่ เก็บรักษาพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นหนังสืออันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนายิวและคริสต์ศาสนา และสืบทอดศาสนาคริสต์ต่อไป